ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

สำหรับการเข้าอาคาร และพื้นที่เขตหวงห้าม

 

โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม (“โรงเรียน”) ได้ตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่โรงเรียนได้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย (“ประมวลผล”) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โรงเรียนจึงได้จัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งวิธีการ และวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลผู้มาติดต่อในการเข้าอาคารหรือสถานที่ พื้นที่เขตหวงห้าม โดยมีเงื่อนไข รายละเอียด ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ประเภทและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคล

1.1 โรงเรียนจะจัดเก็บ รวบรวมข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อในการเข้าอาคารหรือสถานที่ ขณะที่ท่านติดต่อโรงเรียน ได้แก่ ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ภาพกล้องวงจรปิด รูปถ่าย หมายเลขทะเบียนรถ เวลาเข้า-ออกสถานที่ หรือหน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงเอกสารอื่นใดที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐานในการติดต่อโรงเรียน โดยโรงเรียนจะขอบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และเพื่อใช้ในการระบุตัวตน และการยืนยันตัวตนประกอบในการแลกบัตรผู้มาติดต่อในการเข้าอาคารหรือสถานที่เท่านั้น ทั้งนี้ หากพบว่าข้อมูลท่านถูกต้อง  โรงเรียนจะคืนเอกสารดังกล่าวให้ท่านทันที เว้นแต่ในบางกรณีที่โรงเรียนอาจพิจารณาเก็บหลักฐานยืนยันตัวตนของท่านไว้และจะคืนให้หลังจากท่านออกจากพื้นที่ 

1.2 โรงเรียนไม่มีความประสงค์จะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน แต่หากข้อมูลดังกล่าวปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อโรงเรียน เช่น เชื้อชาติ หรือข้อมูลศาสนา โรงเรียนจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น 

ข้อ 2. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูล

โรงเรียนอาจอาศัยหรืออ้าง (1) ฐานความยินยอม เพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน (2) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา หรือการเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญากับท่าน (3) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของโรงเรียน (4) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของโรงเรียนและของบุคคลภายนอก (5) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ (6) ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี ซึ่งในประกาศฉบับนี้ โรงเรียนจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ลำดับวัตถุประสงค์ฐานทางกฎหมาย
1เพื่อใช้ตรวจสอบ ยืนยันตัวตน เป็นหลักฐานประกอบในการแลกบัตรผู้มาติดต่อในการเข้าอาคารหรือสถานที่ รวมถึงอาจมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เพื่อมาตรการรักษาความปลอดภัย  เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการอาคารและทรัพย์สินของอาคารหรือสถานที่ โดยหากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จะไม่สามารถเข้าใช้อาคารหรือสถานที่ได้เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
3เพื่อเป็นพยานหลักฐานกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในหรือบริเวณอาคารการปฏิบัติตามกฎหมาย
4เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ทั้งใน และต่างประเทศที่ใช้บังคับ และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลโรงเรียน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ รวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือการดำเนินคดีการปฏิบัติตามกฎหมาย

ข้อ 3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 โรงเรียนจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่เปิดเผย ถ่ายโอนข้อมูลดังกล่าว ยกเว้นโรงเรียนอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ให้แก่บุคคลที่สามที่โรงเรียนได้ว่าจ้างให้ดำเนินการในการรักษาความปลอดภัย โดยโรงเรียนดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ เป็นต้น

3.2 โรงเรียนจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ รวมถึงจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น โดยในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน โรงเรียนจะขอความยินยอมจากท่านก่อน

ข้อ 4. การส่งหรือการโอนข้อมูลไปต่างประเทศ

ในกรณีที่โรงเรียน ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ โรงเรียนจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด 

ข้อ 5. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 โรงเรียนจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ของการประมวลผล ตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ แบ่งได้ดังนี้

  1. ในกรณีทั่วไปโรงเรียนจะเก็บรักษารายชื่อผู้ติดต่อ พร้อมบันทึกเวลา เข้า-ออก ไว้ 5 (ห้า) ปี นับถัดจากปีที่ได้รับข้อมูลจากท่าน เว้นแต่ในบางกรณีหากโรงเรียนเก็บสำเนาเอกสารการยืนยันตัวตนของท่านไว้ โรงเรียนจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นไว้ 1 (หนึ่ง) ปี นับถัดจากปีที่ได้รับข้อมูลจากท่าน 
  2. ในกรณีมีการขอใช้สิทธิตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ โรงเรียนจะเก็บหลักฐานประวัติการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ 1 (หนึ่ง) เดือน นับถัดจากเดือนที่โรงเรียนพิจารณาคำขอของท่านแล้วเสร็จ

5.2 เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว โรงเรียนจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูล      ที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย

ข้อ 6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

โรงเรียนเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่โรงเรียนใช้ติดต่อท่าน โดยโรงเรียนจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยท่านสามารถส่งคำขอให้โรงเรียนทราบเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางที่โรงเรียนกำหนดในการดำเนินการตามสิทธิ ดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม: หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)  ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงเรียน 
  2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของโรงเรียน และขอให้โรงเรียนทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงเรียนเปิดเผยว่าโรงเรียนได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร เว้นแต่กรณีที่โรงเรียนมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งของศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่โรงเรียนได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้โรงเรียนส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงเรียนส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
    ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่โรงเรียน หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงเรียนจำเป็นต้องประมวลผล เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของโรงเรียนได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับโรงเรียน หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
  4. สิทธิขอคัดค้าน: ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของโรงเรียน หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
    หากท่านยื่นคัดค้าน โรงเรียนจะยังคงดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่โรงเรียนสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าโรงเรียนหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อโรงเรียนเห็นว่าสามารถปฏิบัติตามที่ท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่โรงเรียนอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใด ที่โรงเรียนหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้โรงเรียนระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทน
  7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ โรงเรียนจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพของท่านเพื่อให้ถูกต้อง ตามความจำเป็นของโรงเรียนที่ชอบด้วยกฎหมายและในกรณีที่การดำเนินการตามคำขอก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายโรงเรียนอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากท่าน
  8. สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อโรงเรียนผ่าน แบบฟอร์มร้องเรียนการประมวลผลข้อมูล หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ข้อ 7. วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล

7.1 การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งโรงเรียนได้จัดให้มีขึ้นในเว็บไซต์ของโรงเรียน หรือกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีท่านประสงค์ใช้สิทธิถอนความยินยอมสามารถกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มคำขอถอนความยินยอม

ทั้งนี้ โรงเรียนจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง อย่างไรก็ดี โรงเรียนมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่าน ในกรณีที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย หรือโรงเรียนจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือมีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือเป็นการปฏิเสธตามคำสั่งศาล หรือหากโรงเรียนดำเนินการตามคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยโรงเรียนจะดำเนินการบันทึกการปฏิเสธคำร้องขอพร้อมด้วยเหตุผลไว้ ทั้งนี้ หากปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำร้องขอของท่านเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือคำร้องขอฟุ่มเฟือยโรงเรียนขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการตามที่ท่านร้องขอในอัตราที่โรงเรียนกำหนด

7.2 โรงเรียนจะพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้งานรายอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอ เนื่องมาจากเหตุทางเทคนิค       

7.3 ในบางสถานการณ์โรงเรียนอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนการใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง โดยบางครั้งอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งโรงเรียนจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้

7.4 โรงเรียนจำเป็นต้องแจ้งให้ทราบว่า การขอใช้สิทธิของท่านบางประการ อาจเกิดข้อจำกัด ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อโรงเรียนในการปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย และการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนและบริเวณรอบข้าง ทรัพย์สินของโรงเรียน ความปลอดภัยในบริเวณกิจกรรม ความปลอดภัยของตัวท่านเอง 

ข้อ 8. มาตราการการรักษาความปลอดภัย

โรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โรงเรียนจึงกำหนดให้มีมาตรการอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงกำหนดนโยบาย ระเบียบ แนวปฏิบัติ และขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

1) กำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างปลอดภัย 

2) จำกัดสิทธิลูกจ้าง ครู บุคลากรของโรงเรียน ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดสิทธิในการเข้าถึง หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล

3) ตรวจสอบสถานะบุคคลภายนอก ผู้ให้บริการแก่โรงเรียน กำหนดให้บุคคลเหล่านั้น ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดข้อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล 

4) ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม รวมถึง ทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป 

ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อโรงเรียน

โรงเรียนได้แต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer) เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของโรงเรียน ในกรณีที่ท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ไม่เป็นไปตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ 2562 หรือมีข้อเสนอแนะ ข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิ์ตามประกาศฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อสอบถาม หรือร้องเรียนได้ผ่านช่องทาง ดังนี้

กรณีสอบถามข้อมูลทั่วไปติดต่อ โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม

โทรศัพท์ : 062-603-9555
ที่อยู่ : เลขที่ 391 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลอง สามวา กรุงเทพมหานคร
อีเมล : stps.pdpa@stps.ac.th

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
อีเมล : DPO@Learn.co.th
ที่อยู่ : 444 อาคารเอ็ม บี เค ทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

ข้อ 10. การแก้ไขเปลี่ยนแปลง

โรงเรียนขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อไปโดยมิต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น โรงเรียนจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากโรงเรียน หรือเว็บไซต์ของโรงเรียน

ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2565